Sunday, March 3, 2013

ปลูกต้นพุทธรักษาไว้ทางทิศตะวันตก

พุทธรักษา



มงคล
ชื่อของพรรณไม้ชนิดนี้มีความหมายที่ดีมาก เพราะหมายถึง การมีพระพุทธเจ้าคุ้มครองรักษาให้อยู่เย็นเป็นสุข

ดังนั้นจึงเกิดความเชือว่าหากครอบครัวใดปลูกต้นพุทธรักษาครอบครัวนั้นก็จะมี แต่ความสุข โดยที่ไม่มีเรื่องร้าย ๆ เข้ากล้ำกรายให้ได้รับความเดือดร้อนเลย

ต้นพุทธรักษานั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองมิให้มีภยันตรายกับสมาชิกถายในบ้าน รวมทั้งคอยปกป้องดูแลบ้านเรือน
ให้ร่มเย็นปลอดภัย และไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงใด ๆ ขึ้นเลย

เคล็ดปฏิบัติ
การปลูกต้นพุทธรักษานั้น สมาชิกภายในบ้านสามารถปลูกได้ทุกคนหรืออาจจะช่วยกันปลูกคนละไม้คนละมือก็ได้
เช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้สัมพันธภาพในครอบครัวแน่นแฟ้นขึ้นด้วย

ควรปลูกต้นพุทธรักษาไว้ทางทิศตะวันตก จะได้คอยปกป้องคุ้มครองครอบครัวให้แคล้วคลาดจากเรื่องร้าย ๆ

วันพุธเป็นวันที่เหมาะสำหรับการปลูกต้นไม้ชนิดนี้มากที่สุด เพราะคนโบราณเชื่อว่าหากต้องการปลูกต้นไม้เพื่อช่วย
ส่ง เสริมสิริมงคลก็ควรตะปลูกวันพุธ เพื่อต้นไม้นั้นจะได้ออกดอกบานสะพรั่งอยู่เสมอและเป็นสิริมงคล ส่งเสริมดวงชะตาให้ผู้ ู้ปลูกเจริญรุ่งโรจน์

{ Read More }


ดอกพุทธรักษา

ดอกพุทธรักษา



วัน ที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันพ่อแห่งชาติ กำหนดขึ้นครั้งแรก ในปี 2523 และกำหนดให้ ดอกพุทธรักษาสีเหลือง เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันพ่อ

“พุทธรักษา” ซึ่งหมายถึง พระพุทธเจ้าทรงปกป้องคุ้มครอง ให้มีแต่ความสงบสุขร่มเย็น ซึ่งมีเรียกกันมากว่า 200 ปี และสีเหลืองอันเป็นสีประจำวัน พระราชสมภพขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของปวงชนชาวไทย การมอบดอกพุทธรักษาให้กับพ่อ จึงเสมือนกับการบอกถึง ความรักและเคารพบูชาพ่อ ผู้สร้างความสงบสุขร่มเย็นให้แก่ครอบครัว

คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นพุทธรักษาไว้ประจำบ้านจะช่วยปกป้องคุ้มครอง ไม่ให้มีเหตุร้ายหรืออันตรายเกิดแก่บ้านและผู้อาศัย เพราะพุทธรักษาเป็นพรรณไม้ที่เชื่อกันว่า มีพระเจ้าคุ้มครองรักษาให้มีความสงบสุข คือเป็นไม้มงคลนามนั่นเอง

ในวันพ่อปีนี้ อย่าลืมนำดอกพุทธรักษา ไปกราบคุณพ่อนะครับ










{ Read More }


พุทธรักษา ดอกไม้ของ "พ่อ"




ดอกไม้ประจำวันพ่อพุทธรักษา มีชื่อเรียกอื่นเช่น พุทธศร บัวละวงศ์ เป็นพืชในวงศ์ CANNACEAE ชื่อสามัญ Butsarana และชื่อวิทยาศาสตร์คือ Canna indica เป็นพรรณไม้ล้มลุก เนื้ออ่อนอวบน้ำ

ลำต้นมีความสูงประมาณ 12 เมตร มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า เหง้า มีการเจริญเติบโตโดยแตกหน่อเป็นกอคล้ายกับกล้วย

ลักษณะหน่อที่เจริญเป็นต้นเหนือพื้นดินนั้นมีลักษณะกลมแบนสีเขียวขนาดลำต้นโตประมาณ 24 ซ.ม.

ใบมีขนาดใหญ่สีเขียวโคนใบและปลายใบรีแหลม ขอบใบเรียบ กลางใบเป็นเส้นนูน

โคนใบมีก้านใบยาวเป็นกาบใบหุ้มลำต้นซ้อนสลับกัน ขนาดใบกว้างประมาณ 1015 ซ.ม. ยาวประมาณ 2535 ซ.ม.

ออกดอกเป็นช่อตรงส่วนยอดของลำต้น ช่อดอกยาวประมาณ 1520 ซ.ม. ประกอบด้วยดอก 810 ดอก

และมีกลีบดอกบางนิ่ม ขนาดของดอกและสีสรรแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์

คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นพุทธรักษาไว้ประจำบ้านจะช่วยปกป้องคุ้มครอง ไม่ให้มีเหตุร้ายหรืออันตรายเกิดแก่บ้านและผู้อาศัย เพราะพุทธรักษาเป็นพรรณไม้ที่เชื่อกันว่า

มีพระเจ้าคุ้มครองรักษาให้มีความสงบสุข คือเป็นไม้มงคลนามนั่นเอง

การปลูกนิยมปลูกในแปลงเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน หรือปลูกในกระถางเพื่อประดับอาคารบ้านเรือน

ควรปลูกในดินร่วนซุย ที่มีความชื้นสูง ต้องการแสงรำไร หรือในบริเวณกลางแจ้งที่มีแสงแดดจัด ต้องการน้ำปานกลาง

การดูแลรักษาค่อนข้างง่าย สามารถทนต่อโรคต่างๆ ได้ดี ขยายพันธุ์โดยการเพาะ

เมล็ดและการแยกหน่อ แต่วิธีที่นิยมและได้ผลดีคือการแยกหน่อ



มงคลความหมาย
พุทธรักษานับเป็นพันธุ์ไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลนามที่ดีมากชนิดหนึ่ง เพราะแปลว่าพระพุทธเจ้าคอยปกป้องคุ้มครอง

หากบ้านใดมีต้นไม้ชนิดนี้ก็จะอยู่อย่างสงบสุข ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ คนในครอบครัวรอดพ้นจากภัยและเรื่องราวร้ายๆที่ย่างกายเข้ามา

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่มีผู้นิยมเลี้ยงพุทธรักษามาช้านานแล้วอีกทั้งดอก

พุทธรักษาสีเหลืองยังเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของวันพ่อ ลูกจะนำดอกพุทธรักษานี้มอบให้พ่อในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี

อันแสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์และความเป็นมงคลของไม้ชนิดนี้




พุทธรักษาบางอย่างบริสุทธิ์

อำนาจพุทธอำนาจธรรมที่นำสาส์น

อ่านทางจิตล้างจริตที่ติดนาน

แล้วจะผ่านพบเภทภัยใหม่ใหม่คอย


ชุ่มชื่นระรื่นกาย

สวยบาดตาสดบาดใจ

กลีบดอกปลั่งดั่งยองใย

พุทธรักษาชาติตระกูล














ขอขอบคุณ :
ข้อมูลจากหนังสือ
( ไม้ดอกไม้ประดับ )
{ Read More }


ลักษณะทั่วไปพุทธรักษา

พุทธรักษา

     ชื่อวิทยาศาสตร์ : Canna spp. and hybrid
     ชื่อวงศ์ : Cannaceae
     ชื่อสามัญ : Indian shot
     ชื่อพื้นเมือง : พุทธศร  ดอกบัวละวง
           ชนิดพืช [Plant Type] : ไม้ล้มลุก
           ขนาด [Size] : สูง 1- 2 เมตร
           สีดอก [Flower Color] : สีแดง แสด เหลือง ชมพู
ขาว
           ฤดูที่ดอกบาน [Bloom Time] : ตลอดปี
           อัตราการเจริญเติบโต [Growth Rate] : ปานกลาง
           ลักษณะนิสัย [Habitat] : ชอบดินเหนียวชุ่มชื้นและ
มีอินทรีย์วัตถุสูง หรือที่ระดับน้ำ 10-20 เซนติเมตร
                 ความชื้น [Moisture] : สูง
                 แสง [Light] : แดดเต็มวัน - ครึ่งวัน

           Water Plants

http://agkc.lib.ku.ac.th/plantwebsite/Image/Water%20PlantPictures/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B201.jpg    
     
     ลักษณะทั่วไป (Characteristic) :  ไม้ล้มลุก มีอายุหลายปี  ลำต้นใต้ดินเป็นเหง้าใหญ่แข็งแรง เนื้ออ่อนอวบน้ำ
มีการเจริญเติบโตโดยแตกกอ ประกอบด้วยกลุ่มของก้านใบแผ่เป็นกาบหุ้มประกบกันไว้
         ใบ (Foliage) :  ใบเดี่ยว   เรียงเวียนสลับ  ใบรูปรีถึงรูปไช่  กว้าง 10-18 เซนติเมตร   ยาว 30-50 เซนติเมตร
ปลายใบแหลม   โคนใบสอบ   ขอบใบเรียบ   มีก้านใบยาวเป็นกาบใบหุ้มลำต้นซ้อนสลับกัน     แผ่นใบสีเขียว
กลางใบเป็นเส้นนูนเห็นได้ชัด
         ดอก (Flower) :  สีแดง แสด เหลือง ชมพู ขาว ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 15- 20
เซนติเมตร  ช่อละ 8-10 ดอก กลีบเลี้ยง 3 กลีบ ขนาดเล็กสีเขียวอ่อน กลีบดอก 3 กลีบ   ดอกบานเต็มที่กว้าง
8-9  เซนติเมตร
         ผล (Fruit) : ผลแห้งแตก ทรงกลม เมล็ดทรงกลม ขนาด 2-6 เซนติเมตร ผิวขุรขระ จำนวนหลายเมล็ด
     การใช้งานด้านภูมิทัศน์ (Landscape Used) : ปลูกประดับริมสวนน้ำ ริมคูน้ำที่โล่งแจ้ง ร่องระบายน้ำ ริมถนน
ทางเดิน ดอกสวย มีหลายพันธุ์หลายสี เมื่อดอกโรยควรตัดพุ่มใบนั้นทิ้งไป
     ประโยชน์ :  ดอกตำพอกห้ามเลือด รักษาแผลหนอง ใบแก้อาการจุกเสียด แก้ท้องเสีย แก้อาเจียน
{ Read More }


การปลูกพุทธรักษา



ถ้า ปลูกเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ขาย เพื่อให้ได้หน่อพันธุ์มากๆ ควรปลูกที่มีน้ำท่วมขังเล็กน้อย ริมขอบสระหรือบ่อน้ำ อย่างที่กทม. เขาปลูกไว้นั่นแหละครับ การปลูกลงกระถางจะต้องใช้ดินดีและมีธาตุอาหารมากเพื่อสร้างการเจริญเติบโต และออกดอก แต่ถ้าปลูกลงดิน จะได้ต้นที่สมบูรณ์และขยายพันธูได้ดีกว่า แต่การปลูกเพื่อการค้าส่วนใหญ่ก็จะปลูกในกระถาง แต่บำรุงต้นด้วยปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีเพื่อทำให้ต้นและใบสวยและออกดอกได้ ดีครับ
การปลูกและการดูแลรักษา

ควรเตรียมแง่งของพุทธรักษาในช่วงต้นฤดูฝน แง่งบางครั้งจะถูกเรียกว่า เหง้าหรือหัวพันธ์ซึ่งทั้งสองคำไม่ถูกต้องตามเหลักพฤกษศาสตร์ ควรเลือก แง่งที่อวบ ผิวเต่งตึงไม่เหี่ยวย่น ซึ่งอาจเป็นไปได้เนื่องจากแง่งนั้นถูกขุดเพื่อขยายพันธ์ก่อนระยะที่พืชอยู่ ในระยะฟักตัว ผู้ที่จำหน่ายหัวแง่งอาจจะรีบร้อนหรือต้องการจำหน่ายก่อนแหล่งอื่นๆ แต่การปฏิบัติแบบนี้ทำให้แง่งของพุทธรักษาแห้งแสดงอาการขาดน้ำหรือที่เรียก ว่า dehydrated ถึงแม้ว่าแง่งส่วนน้อยจะสามารถเจริญพันธ์ต่อไปได้แต่ก็ต้องใช้เวลาค่อนข้าง นาน ส่วนใหญ่แล้วจะไม่รอด โดยเฉพาะการสั่งซื้อทางไปรษณีย์ หรือทางอินเตอร์เนท e-commerce ความเสี่ยงค่อนข้างสูงเพราะการขนส่งและระยะเวลาอาจทำให้แง่งพันธ์เสียหาย วิธีที่ช่วยถนอมหัวแง่งในช่วงการเดินทางหรือระยะการเตรียมแปลงปลูกค่อนข้าง นานหลังที่แง่งพันธ์ได้รับแล้วควรเก็บมันในอุณหภูมิที่ต่ำแต่ไม่เกินจุด เยือกเข็ง หาที่ปิดแง่งเพื่อลดการคลายน้ำในช่วงการเก็บ อุณหภูมิที่เหมาะเพื่อชะลอ การงอกไม่ควรสูงเกินกว่า ๑๐ องศาเซลเซียส ในทางกลับกันถ้าแง่งพันธ์เกิดอาการคลายน้ำในช่วงการเก็บอาจจะใช้ผ้าชุบน้ำ คลุมภาชนะที่เก็บหรือคลุมด้วยขลุยมะพร้าวเปียกชื้นก่อนจะนำแง่งพันธ์ลงปลูก ในแปลงเพาะ ถึงแม้ว่าผู้ปลูกบางท่านอาจจะนำแง่งพันธ์ที่อยู่ในระยะฟักตัวลงปลูกใน แปลงดอกแต่ส่วนใหญ่แล้วจะนำมันเพาะในโรงเพาะชำก่อนซึ่งจะได้ผลดีกว่า 




การเลือกแปลงเพาะปลูก
เนื่องจากพุทธรักษาเป็นพืชที่มาจากเขตร้อนจึงไม่แปลกใจเลยว่ามันชอบ อากาศที่อบอุ่นมีแสงแดดทั้งวัน ถึงแม้ว่าพทธรักษาสามารถอยู่ได้ในที่ร่มแต่มันจะไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร และใบจะสีเข้มและอาจจะไม่ออกดอกในเวลาที่ควรหลังการปลูก ในเขตที่มีอากาศที่ร้อนจัดการได้แสงแดดครึ่งวันอาจทำให้ระยะการบานของดอก นานกว่าปกติ
การเตรียมดิน
พืชชนิดนี้ชอบดินที่ร่วนซุยอุดมด้วยอินทรีย์สาร การเตรียมดินควรทำในปลายฤดูแล้งโดยใช้รถแทรกเตอร์ไถลึกถึงแม้ว่าการไถโดยใช้ จานไถแบบสองชั้นจะไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบันแต่สำหรับพืชแบบพุทธรักษาแล้วจะ เหมาะมาก การพรวนดินโดยเครื่องไถดินธรรมดาไม่สามารถให้ความลึกที่เพียงพอสำหรับการ เตรียมปลูกและทำให้เกิดลักษณะแปลงที่เป็นก้นกระทะ เพราะการระบายน้ำไม่ดีเท่าที่ควร การใช้ปุ๋ยหมัก มูลสัตว์หรืออินทรีย์วัตถุผสมพร้อมไปกับการเตรียมดินจะทำให้การปลูกมีผลดี
พุทธรักษาชอบดินที่มีค่าพีเฮสประมาน pH6.5 ซึ่งมีค่าที่เป็นกรดสูงกว่าค่ากลางเล็กน้อย การผสมปูนขาวในดินควรทำถ้าค่าของกรดในดินสูงเกินไป อนึ่งพุทธรักษาไม่ชอบดินที่เป็นด่างเลย ควรเตรียมดินก่อนที่จะปลูกประมาณ ๒ อาทิตย์กำจัดวัชพืชโดยใช้สาร Glyphosate ซึ่งเป็นสารที่คงสภาพอยู่ในดินได้นาน หลักของการปลูกควรให้ปุ๋ยสูตรเสมอเป็นระยะๆ การนำแง่งลงปลูกในแปลงควรทำในดินที่ร่วนซุยไม่ควรที่จะฝืนปลูกในสภาพบดิน แน่นหรือในดินที่เป็นเปียกโชก
การดูแลรักษา
ในสภาวะที่แห้งแล้งขาดฝนควรรดน้ำโดยพอเพียง การรดน้ำโดยใช้สปริงเกอร์อาจจะซ่วยได้มากแต่การรดน้ำแบบนี้จะทำให้กลีบ เลี้ยงที่โดนดอกเสียหายในฤดูที่ดอกบาน การรดน้ำเหนือผิวดินเล็กน้อยจะให้ประโยชน์มากกว่า มีผู้ปลูกที่เจ้าระเปียบบางท่านที่ชอบตัดลำต้นเพื่อความสวยงามให้กับแปลงดอก ขณะที่ดอกร่วงเกือบหมดต้นการทำเช่นนี้ควรใช้ความระมัดระวังโดยให้ตัดแต่ช่อ ดอกที่ร่วงไปแล้วแต่อย่าตัดทั้งลำต้น ตามปกติแต่ละลำต้นจะผลิตช่อดอกประมาณ ๓-๔ ช่อ จนกว่าลำต้นนั้นจะหยุดการแทงช่อเพื่อผลิดอกแล้วถึงจะตัดลำต้นได้ ควรจะใช้กรรไกรตัดกิ่งหรือมีดที่คมตัดตรงโคนใกล้กับลำต้นใหม่ที่กำลังจะโต ขึ้นพร้อมที่จะออกดอกชุดที่สอง
การขุดแง่งเพื่อขยายพันธ์
การขุดแง่เพื่อขยายพันธ์ควรทำโดยความระมัดระวัง ไม่ควรทำให้เกิดบาดแผลหรือรอยซ้ำบนผิวของแง่งพันธ์ ตามธรรมชาติหัวแง่งของพุทธรักษาจะบอบบางพร้อมที่หักหรือฉีกขาดถ้าไม่ทะนุ ถนอม เนื่องจากการตัดหัวแง่งเพื่อขยายพันธ์นั้นเพื่อจุดประสงค์ในการขนย้ายเพื่อ ปลูกในสถานที่อื่นๆหรือปลูกในที่เดิมแต่ต้องมีการเตรียมดินใหม่ฉะนั้นการตัด ต้องทำแบบประณีต บางท่านจะล้างดินออกแต่ส่วนใหญ่จะเหลือดินเดิมติดไว้เพื่อคงความสมบูรณ์ให้ กับแง่งพันธ์ แต่ในการขยายพันธ์เพื่อการส่งออกดินจะถูกล้างจะหมดและมีการฆ่าเชื้อก่อนขบวน การเก็บและบรรจุหีบห่อ
{ Read More }


Saturday, March 2, 2013

ไม้มงคล อย่าง พุทธรักษา เฟื่องฟ้า กวนอิม


ไม้มงคล อย่าง   พุทธรักษา   เฟื่องฟ้า กวนอิม

 พุทธรักษา
 


พุทธรักษาเป็นไม้ล้มลุกที่มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว โดยะขึ้นเป็นกอใหญ่ ดอกใหญ่มีหลายสี เช่นสีแดง สีส้ม สีเหลือง บางชนิดก็จะมีสีพื้นแต้มด้วยจุดสีซึ่งตัดกันอย่างสวยงาม

มงคลความหมาย

พุทธรักษานับเป็นพันธุ์ไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลนามที่ดีมากชนิด หนึ่ง เพราะแปลว่าพระพุทธเจ้าคอยปกป้องคุ้มครอง หากบ้านใดมีต้นไม้ชนิดหนี้ก็จะอยู่อย่างสงบสุข ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ คนในครอบครัวรอดพ้นจากภัยและเรื่องราวร้ายๆที่ย่างกายเข้ามา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่มีผู้นิยมเลี้ยงพุทธรักษามาช้านานแล้วอีกทั้งดอก พุทธรักษาสีเหลืองยังเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของวันพ่อ ลูกจะนำดอกพุทธรักษานี้มอบให้พ่อในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี อันแสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์และความเป็นมงคลของไม้ชนิดนี้


เฟื่องเฟื่องฟ้าจัดเป็นไม้เลื้อยที่มีลำต้นแข็งและหนามแหลมสามารถตัด แต่งพุ่มหรือกิ่งก้านได้ มีดวกที่สวยงามและสีสันสดใส โดยจะออกดอกสะพรั่งในช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปี ดอกที่เราเห็นสีสวยๆนั้นความจริงคือใบประดับดอก ส่วนดอกจริงนั้นจะอยู่ตรงกลางของ 3 กลีบใบประดับ รูปร่างเหมือนแจกันตั้งอยู่บนขอบแจกันสีขาวอมเขียวเป็นหยัก เราจะกล่าวถึงใบประดับกันต่อว่ามีหลากหลายสี สำหรับผู้ที่ต้องการให้เฟื่องฟ้าเป็นแนวรั้วบ้านสามารถนำไปพันไว้กับหลัก แล้วจัดแต่งกิ่งให่ทอดยาวไปตามพื้นที่สามารถขยายพันธุ์โดยการตอนหรือตัดกิ่ง ไปชำ
มงคลความหมาย
นับเป็นพันธุ์ไม้ที่มีความโดดเด่น เพราะดอกจะมีสีสดสวย และมีกลีบดอกบางเบา ผู้ที่พบเห็นจะเกิดความสบายใจ หากครอบครัวใดปลูกต้นเฟื่องฟ้าไว้ประดับบ้านจะทำให้สมาชิกมีความสดใส ร่าเริง และมีชีวิตที่เฟื่องฟูรุ่งเรื่อง เช่นเดียวกับการเติบโตของเฟื่องฟ้า
รู้ความหมายแล้วก็อย่าลืมนำไปพิจารณาในเรื่องของการปลูกด้วยนะจ๊ะ

กวนอิม



กวนอิมมีลักษณะคล้ายกับต้นตระกูลหวาย มีลำต้นกลมตรง แบ่งเป็นข้อๆใบมี 2 แบบ แบบใบสีเขียวและใบลายด่าง พื้นใบสีเขียว และมีสีขาวคาดตามความยาวของใบ โดยใบอ่อนจะแตกออกจากส่วนยอดของลำต้น ซึ่งในปัจจุบันได้มีการนำไม้เหล่านี้มาถักเปียให้เกิดความสวยงามจัดเป็นไม้ มงคลที่น่าปลูกอีกชนิดหนึ่ง

มงคลความหมาย

กวนอิมเป็นชื่อเทพเจ้าของจีน ซึ่งทั้งชาวจีนและไทยให้ความนับถือใช้สำหรับตั้งบูชาและประกอบในพิธีกรรม ต่างๆเสมอ ดังนั้นหากท่านต้องการนำไม้ชนิดหนี้ไปปลูกในบริเวณจะช่วยส่งเสริมให้ครอบ ครัวมีความเจริญก้าวหน้า หากทำการค้าก็จะร่ำรวยมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มักจะเห็นท่านเจ้าของร้านบางแห่งบูชาต้นกวนอิม


{ Read More }


"ดอกพุทธรักษา" ถือเป็นดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำวันพ่อ

 ใกล้ จะถึงวันพ่อกันแล้วนะครับ หลายคนคงทราบกันดีแล้วว่า  "ดอกพุทธรักษา"   ถือเป็นดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำวันพ่อ  แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ครับ ว่าเจ้าดอกพุทธรักษาเนี่ย มันมีประวัติความเป็นมาอย่างไร   และทำไมเค้าถึงใช้ดอกพุทธรักษาเป็นดอกไม้ประจำวันพ่อ 
         "พุทธรักษา"  มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ  Canna indica  เป็น ไม้ในเขตร้อน  ตามบันทึกถูกพบครั้งแรกในหมู่เกาะเวสอินดี้และแถบอเมริกาใต้  พบได้ทั้งในที่ลุ่มและที่ดอนในเขตต่าง ๆ   ซึ่งถูกนำมาพัฒนาเป็นไม้ประดับและขยายพันธุ์ให้ดีขึ้นโดยชาวยุโรปค่ะ

        หากเราย้อนหลัง ไปในอดีตสักร้อยปี จะพบว่าพุทธรักษาเป็นไม้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและถูกนำมาปลูกอย่าง แพร่หลายในสวนทั้งขนาดเล็กและใหญ่   หลังจากนั้นไม่นานความนิยมก็ลดลงแต่ก็ฟื้นกลับมาอีกจนกระทั่งถึงปัจจุบัน   พุทธรักษาเป็นไม้ดอกระดับนานาชาติ  โดยหลาย ๆ ประเทศยอมรับให้เป็นไม้หลักในการตบแต่งสถานที่ที่สำคัญ ๆ   ด้วยลักษณะช่อดอกที่หลากสีสัน  สร้างความเร้าใจให้กับนักจัดสวนยุคใหม่ที่เน้นไม้ที่ปลูกง่ายและสวยงามอยู่ เสมอ

          พุทธรักษา มีชื่อเรียกอื่นเช่นกัน  อย่าง พุทธศร หรือ บัวละวงศ์   ชื่อไทยของพุทธรักษานั้นไม่มีการบันทึกว่าตั้งโดยผู้ใด  แต่เป็นชื่อที่ไพเราะมีความหมายเหมาะกับวัฒนธรรมของบ้านเราที่มีศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติครับ
       ชื่อสากลที่เรียกว่า แคนนาส์ (Cannas) มาจากศัพท์ของภาษากรีกที่เขียนเป็นอังกฤษว่า Kanna  ที่หมายถึง ต้นไม้ที่มีลักษณะคล้ายต้นอ้อ  มีการเรียกไม้นี้ในต่างประเทศอย่างหลากหลาย อาทิเช่น แคนนา ลิลี่ (Canna lily)   อินเดียนช็อตแพล้น (Indian short plant)  เป็นต้น 


 
          และรู้หรือไม่ครับว่า  ดอกพุทธรักษาสามารถนำมาเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้  อย่าง ในประเทศปาปัวนิวกินี   มีการรับประทานหัวต้นพุทธรักษาเป็นอาหารหลักเหมือนหัวเผือกหัวมัน   ประเทศไทยเราสมัยโบราณก็มีนำหัวพุทธรักษามาต้มรับประทานบำรุงปอด   แก้อาเจียนหรือไอเป็นเลือด   บางครั้งนำดอกมาใช้ห้ามเลือด รักษาแผลที่มีหนอง เมล็ดบดพอกแก้ปวดศรีษะ ส่วนพันธุ์พุทธรักษาปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันในสรรพคุณ จึงขอแนะนำว่าอย่าพึ่งไปลองรับประทาน   ควรใช้ทดลองตามสรรพคุณแต่ภายนอกร่างกายจะดีกว่าครับ

       พุทธรักษาเป็นไม้ที่หาเลี้ยงตัวเองได้   ไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่   อยู่ในที่น้ำท่วมหรือที่แห้งแล้งก็ได้   เพียงแต่ถ้าที่แห้งลักษณะต้นจะเล็กและดูเหมือนต้นไม่สมบูรณ์ สวยงามเท่าต้นที่อยู่ในพื้นที่แฉะชื้น  จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นว่าพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยรอบที่เป็นที่รกร้างว่างเปล่า  ทางกรุงเทพมหานครจะนำเอาต้นพุทธรักษามาลงปลูกเป็นแถวเป็นแนว  บังกอหญ้ารก ๆ ให้พ้นจากสายตาคนที่สัญจรไปมา เนื่องจากพุทธรักษาเป็นไม้ที่เมื่อลงปลูกแล้ว ไม่ต้องไปสนใจก็สามารถงอกงามให้ดอกสีสวยจับตาผู้คนที่ผ่านไปได้ดี   โดยถ้าลงมือปลูกช่วงหน้าฝนด้วยแล้ว ไม่ต้องไปรดน้ำให้แตกหน่อแตกขยายพุ่ม  เพราะความที่สามารถหาน้ำและอาหารกินได้เองที่ริมถนน   ทุ่งวัชพืชจึงค่อย ๆ แปรสภาพกลายเป็นทุ่งพุทธรักษาครับ
 
          ดังนั้นถ้าใคร มีที่ปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ และไม่มีเวลาดูแล  การปลูกพุทธรักษาให้เต็มพื้นที่  หรือปลูกหน้าที่ให้บังที่ด้านในเพื่อความสวยงาม  ก็เป็นทางเลือกที่ดีวิธีหนึ่งเช่นกันนะครับ

        นอกจากนี้แล้ว  คนไทยยังไมีความเชื่อเกี่ยวกับดอกพุทธรักษา  โดยคนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นพุทธรักษาไว้ประจำบ้านจะช่วยปกป้องคุ้มครอง ไม่ให้มีเหตุร้ายหรืออันตรายเกิดแก่บ้านและผู้อาศัย เพราะพุทธรักษาเป็นพรรณไม้ที่เชื่อกันว่า มีพระเจ้าคุ้มครองรักษาให้มีความสงบสุข คือเป็นไม้มงคลนามนั่นเอง
 
       ซึ่งตั้งแต่มีการกำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันพ่อแห่งชาติขึ้นมาครั้งแรกในปี พ.ศ. 2523 ก็ได้มีการกำหนดให้ดอกพุทธรักษาสีเหลือง   มาเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันพ่อ   คงเพราะด้วยชื่ออันเป็นมงคลของคำว่า"พุทธรักษา"  อันหมายถึง พระพุทธเจ้าทรงปกป้องคุ้มครองให้มีแต่ความสงบสุขร่มเย็น   ซึ่งมีเรียกกันมากว่า 200 ปี   และ สีเหลือง  อันเป็นสีประจำวันพระราชสมภพขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของปวงชนชาวไทย   การมอบดอกพุทธรักษาให้กับพ่อจึงเสมือนกับการบอกถึง ความรักและเคารพบูชาพ่อ  ผู้สร้างความสงบสุขร่มเย็นให้แก่ครอบครัว  ด้วยเหตุนี้  ดอกพุทธรักษา จึงถือเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ที่สำคัญประจำวันพ่อนั่นเองครับ

          และเนื่องในโอกาสวันพ่อที่ใกล้เข้ามาถึงนี้...ลูก ๆ ทุกคน อย่าลืมนำดอกพุทธรักษา  ดอกไม้แห่งความมงคล  ไปกราบคุณพ่อกันนะครับ
ที่มา: toongpang/www.panmai.com และ www.baanmaha.com
{ Read More }


Monday, February 4, 2013

พุทธรักษา ดอกไม้ประจำวันพ่อ



ดอกไม้ประจำวันพ่อพุทธรักษา มีชื่อเรียกอื่นเช่น พุทธศร บัวละวงศ์ เป็นพืชในวงศ์ CANNACEAE ชื่อสามัญ Butsarana และชื่อวิทยาศาสตร์คือ Canna indica เป็นพรรณไม้ล้มลุก เนื้ออ่อนอวบน้ำ

ลำต้นมีความสูงประมาณ 12 เมตร มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า เหง้า มีการเจริญเติบโตโดยแตกหน่อเป็นกอคล้ายกับกล้วย

ลักษณะหน่อที่เจริญเป็นต้นเหนือพื้นดินนั้นมีลักษณะกลมแบนสีเขียวขนาดลำต้นโตประมาณ 24 ซ.ม.

ใบมีขนาดใหญ่สีเขียวโคนใบและปลายใบรีแหลม ขอบใบเรียบ กลางใบเป็นเส้นนูน

โคนใบมีก้านใบยาวเป็นกาบใบหุ้มลำต้นซ้อนสลับกัน ขนาดใบกว้างประมาณ 1015 ซ.ม. ยาวประมาณ 2535 ซ.ม.

ออกดอกเป็นช่อตรงส่วนยอดของลำต้น ช่อดอกยาวประมาณ 1520 ซ.ม. ประกอบด้วยดอก 810 ดอก

และมีกลีบดอกบางนิ่ม ขนาดของดอกและสีสรรแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์

คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นพุทธรักษาไว้ประจำบ้านจะช่วยปกป้องคุ้มครอง ไม่ให้มีเหตุร้ายหรืออันตรายเกิดแก่บ้านและผู้อาศัย เพราะพุทธรักษาเป็นพรรณไม้ที่เชื่อกันว่า

มีพระเจ้าคุ้มครองรักษาให้มีความสงบสุข คือเป็นไม้มงคลนามนั่นเอง

การปลูกนิยมปลูกในแปลงเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน หรือปลูกในกระถางเพื่อประดับอาคารบ้านเรือน

ควรปลูกในดินร่วนซุย ที่มีความชื้นสูง ต้องการแสงรำไร หรือในบริเวณกลางแจ้งที่มีแสงแดดจัด ต้องการน้ำปานกลาง

การดูแลรักษาค่อนข้างง่าย สามารถทนต่อโรคต่างๆ ได้ดี ขยายพันธุ์โดยการเพาะ

เมล็ดและการแยกหน่อ แต่วิธีที่นิยมและได้ผลดีคือการแยกหน่อ



มงคลความหมาย
พุทธรักษานับเป็นพันธุ์ไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลนามที่ดีมากชนิดหนึ่ง เพราะแปลว่าพระพุทธเจ้าคอยปกป้องคุ้มครอง

หากบ้านใดมีต้นไม้ชนิดนี้ก็จะอยู่อย่างสงบสุข ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ คนในครอบครัวรอดพ้นจากภัยและเรื่องราวร้ายๆที่ย่างกายเข้ามา

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่มีผู้นิยมเลี้ยงพุทธรักษามาช้านานแล้วอีกทั้งดอก

พุทธรักษาสีเหลืองยังเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของวันพ่อ ลูกจะนำดอกพุทธรักษานี้มอบให้พ่อในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี

อันแสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์และความเป็นมงคลของไม้ชนิดนี้




พุทธรักษาบางอย่างบริสุทธิ์

อำนาจพุทธอำนาจธรรมที่นำสาส์น

อ่านทางจิตล้างจริตที่ติดนาน

แล้วจะผ่านพบเภทภัยใหม่ใหม่คอย


ชุ่มชื่นระรื่นกาย

สวยบาดตาสดบาดใจ

กลีบดอกปลั่งดั่งยองใย

พุทธรักษาชาติตระกูล













{ Read More }


การปลูกพุทธรักษา



พุทธรักษา
Common name : Indian shot
Scientific name : Carina indica
Family      : Cannaceae
พุทธรักษา มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ และทางอินเดียตะวันตก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Canna inclica เป็นไม้ประเภทใบเลี้ยงเดี่ยว ลำต้นไม่แข็ง เป็นไม้ดอกที่ขึ้นเป็นกอ แตกหน่อ เช่นเดียวกับกล้วย ลำต้นตรง มีช่อดอกที่ยอด ต้นที่มีช่อดอกแล้วจะไม่มีช่อดอกใหม่ขึ้นมาแทนอีก ความสูงของลำต้นมีตั้งแต่สูง 20 เซนติเมตร ถึงความสูง 2.5 เมตร แล้วแต่ชนิด
สำหรับในประเทศไทย เราจะเห็นพุทธรักษาขึ้นอยู่ทั่วไปในกรุงเทพฯ และตามชนบท ต้นพุทธรักษาจะมีมาในบ้านเมืองเรานานสักเท่าใด ยังไม่มีหลักฐานปรากฎแน่ชัด ทราบแต่เพียงว่าต้นพุทธรักษาได้มีมาในเมืองไทยแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ปี เพราะได้ปรากฎชื่ออยู่ในพระนิพนธ์กาพย์ ห่อโคลงนิราศธารทองแดง ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร ตอนหนึ่งที่ว่า
ไผ่เทศงามผาดผุด
ต้นเล็บครุฑพุทธรักษา
ทองสิบอย่างงามนานา
ข้าวตอกแตกแปลกดอกขาวฯ
ใบ ลักษณะเป็นใบเดี่ยว ๆ คล้ายใบกล้วย แต่สั้นและเล็กกว่าใบกล้วยมาก ปลายใบส่วนมากมักแหลมเป็นรูปหอก มีส่วนน้อยที่ปลายใบกลมหรือปลายใบมน สีของใบมีสีเขียวเป็นส่วนมาก นอกจากสีเขียวมีสีน้ำตาลปนสีแดง มีทั้ง สีอ่อนและสีแก่ และมีอีกสีหนึ่งสีใบเขียว มีเส้นสีขาวไปตามเส้นใบ ต้นนี้มีดอกสีเหลือง
ดอก ออกเป็นช่อ และมีแขนงแตกออกทางด้านข้างทั้งสองข้าง ลักษณะดอกมีกลีบดอก 3 กลีบ และมีปากอีก 1 ปาก กลีบดอกทั้งสามมีขนาดเกือบจะเท่า ๆ กัน ถ้าเราจะเปรียบก็คล้ายกับดอกกล้วยไม้ประเภทแคทลียา ผิดกันที่ว่า แคทลียามีกลีบดอก 5 กลีบ และมีกลีบไม่เท่ากัน มีปาก 1 ปาก เช่นเดียวกัน
สีของดอกพุทธรักษามีตั้งแต่สีขาว สีแดง สีเหลือง สีส้ม สีชมพู และยังมีพื้นสีที่เป็นสีเหลือง มีจุดประหรืออาจเป็นเส้นยาว ๆ สีแดง หรือสีส้ม หรือสีชมพู ส่วนต้นที่เห็นว่าแปลกมากคือ ต้นที่มีดอกสีเหลืองและสีแดงอยู่ในช่อดอกเดียวกัน หรือมีทั้งดอกที่เป็นสีเหลืองครึ่งดอก สีแดงครึ่งดอก หรืออาจจะมีสีเหลืองมาก หรือสีแดงมากน้อยกว่ากันในดอกหรือในช่อดอกเดียวกันก็มี
จำนวนดอกใน 1 ต้น อาจมีตั้งแต่ 5-50 ดอก ยกเว้นบางต้นอาจมีจำนวนดอกมากว่า 50 ดอกใน 1 ช่อ ก็เคยพบ
ขนาดดอกมีตั้งแต่ที่ดอกเล็ก ขนาดไม่ถึงครึ่งนิ้วจนถึงมีขนาดดอกใหญ่กว่า 6 นิ้วฟุตก็มี
ผล มีลักษณะเป็นพู และมีหนามแหลมแต่ไม่แข็ง มีหนามรอบทั้งผล ขนาดของผลประมาณหัวแม่มือ
สีของผล มีอยู่ 2 สี คือ สีเขียว และสีชมพู อมสีเลือดหมู สีอาจอ่อนหรือแก่ได้แล้วแต่พันธุ์
จำนวนเมล็ดใน 1 ผล มีตั้งแต่ 1-8 เมล็ด สีของเมล็ดขณะที่อ่อนอยู่เป็นสีขาว แต่เมื่อแก่ จะเป็นสีน้ำตาล หรือสีน้ำตาลดำ
การขยายพันธุ์ ทำได้ 2 วิธีคือ
1. การเพาะเมล็ด
2. แยกหน่อ
พุทธรักษาอาจใช้เมล็ดขยายพันธุ์ก็ได้ แต่ทั่ว ๆ ไปใช้ปลูกด้วยเมล็ด เมื่อขยายพันธุ์ลูกผสม ที่ผสมพันธุ์ขึ้นใหม่ ๆ เท่านั้น ในการขยายพันธุ์ เพื่อเพิ่มปริมาณจริง ๆ แล้ว ใช้วิธีแบ่งแยกกอ หรือแยกหน่อมากกว่า
การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดนั้นได้ผลช้ามาก เพราะเมล็ดงอกช้า เนื่องจากเมล็ดพุทธรักษาแข็งมาก ก่อนจะเพาะจึงต้องนำมาแช่น้ำไว้ 24 ชั่วโมง หรือใช้ตะไบถูให้เปลือกบางเสียก่อนจึงนำมาเพาะ
การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อนั้นง่ายเพียง แต่ขุดและตัดเง่า (rootstock) ให้ติดหน่อที่มีลำต้นเหนือพื้นดินติดมาด้วยอย่างน้อยก็หนึ่งต้น เมื่อตัดหน่อมาแล้วบางชนิดอาจนำลงปลูกในดิน หรือกระถางได้ทันทีเลย แต่บางชนิดอาจต้องนำมาชำในกระบะทรายในที่ร่มให้ตั้งตัวได้เสียพักหนึ่งก่อน จึงนำไปปลูกในที่ ๆ ต้องการกลางแจ้ง
พุทธรักษาทั่ว ๆ ไปที่ปลูกในเมืองไทยนั้นชอบน้ำมาก ขึ้นได้ดีในที่มีน้ำ ที่ลุ่มดินเหนียว ทั่ว ๆ ไป การขยายพันธุ์จึงง่ายมากไม่เคยมีปัญหา ใด ๆ เลย บางชนิดขุดไปทิ้ง ๆ กองไว้ก็แตกหน่อและไม่ยอมตายง่าย ๆ อีกด้วย แต่พุทธรักษาบางชนิดที่เป็นลูกผสมหรือพันธุ์แท้ ชนิดต้น แคระเตี้ยนั้น เจริญเติบโตไม่ได้ดีนักในที่เช่น พุทธรักษาทั่ว ๆ ไปปลูกอยู่ จึงต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ พุทธรักษาพวกลูกผสมหรือพวกพันธุ์แท้นี้ ชอบดินร่วนทราย มีการระบายน้ำดีกลางแจ้ง ไม่ชอบดินเหนียวที่มีน้ำขังอยู่ตลอดเวลา
การเตรียมดินปลูก ฟันดินตากแดดทิ้งไว้เช่นเดียวกับการเตรียมดินเพื่อปลูกผัก หรือปลูกต้นไม้ดอกโดยทั่ว ๆ ไป เมื่อตากดินแห้ง ใส่ปุ๋ย คอกและปุ๋ยอินทรีย์ ย่อยดินให้ละเอียดเพื่อให้ปุ๋ยเข้ากับดินอีกครั้งหนึ่ง ขุดหลุมกว้างประมาณ 6 นิ้ว ความลึกประมาณ 4-5 นิ้วก็พอ ระยะห่างระหว่างแถว 1 เมตร ระหว่างหลุม 60-80 เซ็นติเมตร ระยะปลูกจะถี่หรือห่างกว่านี้ก็ได้ ตามที่เราต้องการใส่ปุ๋ยคอกหลุมละ 1 กอบ พรวนดินให้เข้ากันอีกที แล้วแยกหน่อมาตั้งต้นลงกลางหลุม กลบดินให้แน่นพอควร รดน้ำให้ชุ่มทั้งเช้าเย็น ถ้ามีใบติดต้นมามากตัดใบเสียครึ่งๆใบ เพื่อจะได้ตั้งตัวเร็วขึ้น ถ้าจะทำร่มเงาให้สัก 4-5 วันแรกก็จะยิ่งดี
การบำรุงรักษา
เมื่อปลูกได้ 2 อาทิตย์ ใส่ปุ๋ยผสมชนิดเม็ด เช่นปุ๋ยไนโตรฟอสก้า เม็ดสีฟ้า สูตร 12-12-17-2 หรือปุ๋ยเม็ดชนิดอื่น ๆ ก็ได้ ใส่ประมาณ 1 ช้อนแกงรอบโคนต้นให้ห่างโคนต้นประมาณ 4-6 นิ้ว พรวนดินกลบ รดน้ำเพื่อให้ปุ๋ยละลาย ข้อควรระวังคืออย่าให้ปุ๋ยที่ใส่ถูกโคนต้นหรือถูกใบจะทำให้ต้นหรือใบเน่าได้ ปุ๋ยเม็ดใส่เดือนละครั้ง ถ้ากอใหญ่ขึ้นก็เพิ่มจำนวนปุ๋ยขึ้นตามขนาดของกอ
โรคและแมลงศัตรูพืช
แมลงที่เป็นอันตรายต่อต้นและดอกพุทธรักษา
ก็คือ
1. เพลี้ยไฟ (Thrip)
2. ตั๊กแตน (Loeust)
3. พวกแมลงปีกแข็งจำพวกด้วงตัวเล็ก เช่นเดียวกับที่กินดอกและใบกุหลาบ
4. หนอนปลวก (Round worm)
นอกจากแมลงแล้ว ก็ยังมีนกกระจอกชอบจิกกินดอกอ่อน และกลีบดอกในที่บางแห่ง
การป้องกัน และกำจัด
ใช้ยาโฟลิคอล E 605 หรือเซฟวิน 85 ผสม น้ำฉีดทุก ๆ 7 วันจนกว่าจะหาย ภายหลังจากนี้ ฉีด 15 วันครั้ง
โรค มีพวกโรคใบจุด จะเป็นทั้งที่ใบและกาบของใบ มักเกิดขึ้นในขณะที่อากาศมีความชื้นสูง และน้ำที่ใช้รดเป็นน้ำเน่าเสีย นอกจากนี้ต้นและกอเบียดกันแน่นเกินไป แสงแดดส่องไม่ทั่วถึงการแก้ไขต้องตัดต้นแก่เเละใบที่หนาทึบออกเสียบ้าง แล้วฉีดยาพวกแคปแทน หรือออร์โธ่ไซด์ ก็ได้ หรืออาจจะใช้ยาฆ่าเชื้อราชนิดอื่น ๆ ที่มีขายอยู่ทั่ว ๆ ไปก็ได้ การฉีดใช้ผสมกับยาฆ่าแมลงฉีดในคราวเดียวกัน
การปรับปรุงพันธุ์พุทธรักษา
1. การปลูกและคัดเลือกพันธุ์จากต้นที่ดี และแข็งแรงผิดกว่าต้นอื่น ๆ
2. การผสมพันธุ์
การผสมพันธุ์
เป็นวิธีที่ทำให้เราได้พืชพันธุ์ใหม่แน่นอนกว่า และเป็นการประหยัดเวลา เพราะสามารถที่จะคัดเลือกต้นพ่อพันธุ์และต้นแม่พันธุ์ เฉพาะที่เราเห็นและทดสอบว่าดีแล้วมาผสมพันธุ์ ดังนั้นต้นถูกผสมที่ได้ใหม่ ย่อมมีเปอร์เซ็นต์ดีมากกว่า ถ้าเราจะรอให้ผสมกันเองตามธรรมชาติ อาจกินเวลาหลาย ๆ ปี หรือหลาย ๆ สิบปีก็เป็นได้ เราจะเห็นได้จากพวกไม้ผลขึ้นต้น ในช่วงระยะเวลา 20 ปี จะมีพันธุ์ดีใหม่ ๆ เกิดขึ้นสักพันธุ์หนึ่งก็แสนยาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะต้นพ่อ พันธุ์และต้นแม่พันธุ์ดีมักจะอยู่ห่างไกลกัน และปัจจุบันเราก็ไม่นิยมปลูกไม่ผลโดยใช้เมล็ด มักจะปลูกโดยใช้กิ่งต่อหรือกิ่งตอนมากกว่า ดังนั้น ไม้ผลพันธุ์ใหม่ ๆ จึงไม่เกิดขึ้น
ต้นพุทธรักษาก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราต้องการให้ได้พันธุ์ที่ดีก็ต้องทำการผสมพันธุ์ โดยคัดเลือกต้นพันธุ์พ่อและต้นพันธุ์แม่ที่ดีมาผสมพันธุ์กัน
เครื่องมือ เครื่องใช้ ในการผสมพันธุ์พุทธรักษา
1. ปากคีบเล็ก ๆ 1 อัน
2. พู่กันเล็ก ๆ หรืออาจใช้ไม้จิ้มฟันแทน
3. ถุงกระดาษคลุมช่อดอก ใช้กระดาษลอกลายมาพับเป็นถุงคลุม
4. เข็มหมุดกลัดถุงคลุมเกสร
5. ปากกาหมึกแห้งหรือดินสอสีเขียนป้าย
6. ป้ายกระดาษแขวนบอกชื่อพ่อชื่อแม่ที่ทำการผสมพันธุ์
7. เกสรตัวผู้ที่จะใช้เป็นพ่อในการผสมพันธุ์ การเลือกต้นแม่ต้องเลือกต้นที่ติดเมล็ดง่ายโดยธรรมชาติเป็นหลัก ต้นที่ติดเมล็ดยากไม่ควรใช้เป็นต้นแม่ เพราะจะทำให้เสียเวลา
เมื่อเลือกต้นแม่ได้แล้ว ต้องเลือกช่อดอกที่สมบูรณ์ดอกยังไม่บาน ธรรมดาดอกพุทธรักษา จะบานทะยอยกันทุกวัน ดอกที่มีสีสดจะเป็นดอกที่บานวันนี้ ส่วนดอกที่มีสีซีด หรือถ้าเป็นสีแดงก็จะคล้ำ เป็นดอกที่บานเมื่อวาน ส่วนดอกที่กำลังจะบานพรุ่งนี้ เราต้องดูดอกที่เล็กถัดไป คือดอกที่จะบานมะรืนนี้ ที่ต้องเลือกดอกที่บานมะรืนนี้ก็เพราะดอกที่จะบานพรุ่งนี้คือดอกที่กำลัง แย้มวันนี้นั้น เกสรตัวผู้จะแตกออกจากอับแล้ว และอาจจะผสมตัวเองแล้ว
เด็ดดอกที่บาน และดอกที่แย้มออกทิ้ง เหลือดอกที่เล็กกว่าดอกที่แย้มไว้ 3 ดอก ดอกที่เล็กกว่านั้นเด็ดออกให้หมด
ต่อจากนั้นก็ใช้มือและปากคีบค่อย ๆ แหวกกลีบดอก เพื่อให้เห็นอับเกสรตัวผู้ เมื่อเห็นแล้วใช้ปากคีบจับออกทั้งอับ ทำเช่นนี้ทุกดอก แล้วเอาถุงกระดาษที่เตรียมคลุมไว้ วันรุ่งขึ้นจึงจะนำเกสรตัวผู้มาผสม โดยการเปิดถุงกระดาษ ใช้พู่กันหรือปลายไม้จิ้มฟันแตะเกสรตัวผู้ที่เราจะใช้เป็นพ่อจากดอกที่เริ่ม จะแย้มไปแตะปลายเกสรตัวเมีย ซึ่งมีลักษณะยืดยาวอยู่ตรงกลางอันเดียว เมื่อแตะเสร็จแล้วทุกดอกก็ใช้ถุงกระดาษคลุมช่อดอกไว้ และใช้เข็มหมุดกลัด เพื่อไม่ให้ถุงหลุด เขียนชื่อพ่อชื่อแม่ วันที่ทำการผสม จำนวนดอกที่ผสม ไว้ที่ป้ายผูกติดไว้ที่ช่อดอกที่ทำการผสม เช่น
แม่ (   ) ชมพูอ่อนช่อดก
พ่อ (   ) แดงเข้มฟอร์มดี
20/12/2521
จำนวน 3 ดอก
เวลาที่ทำการผสมพันธุ์ พุทธรักษาแปลกและมีคุณสมบัติดีกว่าดอกไม้ชนิดอื่นที่ทำการผสมได้ทุกเวลา ตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ซึ่งต้นไม้ส่วนมากมักจะผสมได้เฉพาะตอนเช้าเท่านั้น หรือบางอย่างก็ผสมได้เฉพาะตอนเย็น เช่น บวบเหลี่ยม เพราะดอกบานตอนเย็น
นับจากวันที่ผสมดอกพุทธรักษาประมาณ 5-7 วัน เปิดถุงคลุมออกดู ถ้าผสมติดผลก็จะเริ่มพองตัวขึ้น แต่ถ้าผสมไม่ติด ผลเล็กที่ติดอยู่ในโคนช่อดอกที่ผสมก็จะร่วงไปหมดเมื่อผสมติด นับเวลาจากวันผสมถึงวันที่ผลแก่จะกินเวลา 21-24 วัน นำเมล็ดที่ได้ไปเพาะในภาชนะใช้ ดินร่วน 1 ส่วน ทราย 1 ส่วน ใบไม้ผุ 1 ส่วน หรืออาจใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกแทนใบไม้ผุก็ได้ ผสมให้เข้ากัน เกลี่ยหน้าดินให้เรียบ โรยเมล็ดลงไปกลบดินสูงประมาณ 1 นิ้ว รดนำให้ ชุ่ม เก็บไว้ในที่รำไรประมาณ 7-14 วัน เมล็ดจะขึ้นหมด เมื่อมีใบจริงประมาณ 4-5 ใบ ย้าย ลงกระถางหรือลงแปลง และอย่าลืมปักป้ายบอกชื่อลูกผสมด้วย ถ้าทำหลายชุดก็ต้องเขียนบอก ไว้ เช่น ชุดที่ 1 : ต้น 1 ต้น 2 ต้น 3… แล้ว แต่ว่าจะมีกี่ต้น เพราะแต่ละต้นจะให้ดอกไม่เหมือนกัน อาจดีหรือเลวก็ได้ ถ้าเราไม่ติดป้ายไว้เราจะไม่รู้เลยว่าเป็นลูกผสมต้นไหน เพราะดอกที่ออกมาอาจไปมีสีคล้ายกับชุดอื่นที่เราทำก็ได้ จากวันเพาะถึงวันออกดอกกินเวลาประมาณ 4-6 เดือน เลือกเฉพาะต้นที่ดีเท่านั้นไว้ขยายพันธุ์ โดยแยกหน่อ เราก็จะได้พันธุ์ใหม่แล้ว ถ้าต้องการจำนวนมากก็ขยายพันธุ์จากหน่อออกไปอีก แต่ถ้ายังไม่ดีเท่าที่เราต้องการก็ต้องผสมกับต้น ที่ออกดอกมาแล้วนี้อีก 1 ชั่ว 2 ชั่ว หรือ 3 ชั่ว ลูกที่ได้อาจดีขึ้น
ประโยชน์
1. ใช้ปลูกประดับบ้าน หรือสถานที่ต่าง ๆ เพื่อความสวยงาม
2. ใช้ตัดดอกปักแจกันได้ เช่นเดียวกับไม้ ดอกอื่น ๆ
3. ใช้ในพิธีมงคลต่าง ๆ ใช้ทั้งใบและดอก
4. พุทธรักษาบางพันธุ์ ในต่างประเทศใช้แป้งที่ได้จากหัวทำอาหารเลี้ยงทารก ส่วนในบ้านเราใช้หัวหรือเง่าต้มกินเช่นเดียวกับหัวเผือก หรือหัวมัน
5. ใบใช้ห่อของ
6. เง่าใช้เป็นสมุนไพร สำหรับเข้าตัวยาแผนโบราณ
7. เมล็ดพุทธรักษามีลักษณะกลมสีดำ และแข็ง ในอินเดียตะวันตกใช้เป็นลูกกระสุนล่าสัตว์
8. เมล็ดดำกลมใช้เป็นลูกประคำประดับกาย
{ Read More }


IconIconIconFollow Me on Pinterest